ผู้เขียน หัวข้อ: ช่างซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน ซ่อมได้ถึงอายุเท่าไหร่?  (อ่าน 1032 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Master

  • [color=Turquoise][i]"อาจจะเหนื่อยล้าและมีผิดหวัง แต่ยังมีพรุ่งนี้ให้เราได้เริ่มกันใหม่ ทุกชีวิตที่อยู่ในเมืองนี้ สักวันก็คงได้สมดังใจ ... "[/i][/color]
  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 487
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
ขอคำแนะนำ ตามคำถามเลยครับ จะไปหาความรู้เพิ่มเติมดีหรือไม่ ? จะไปได้ไกลหรือเปล่า 40,50,60 หรือ 70 ปี ครับ?
   
      - ลาออกจากงานประจำครับ .. อยากจะจับงานซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน ชอบ-ใจรัก และพอมีพื้นฐานอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากนัก รู้จักตัวอุปกรณ์ ดี-เสีย พอเช็คได้ (L,R,C,TR ฯลฯ) เครื่องไม้เครื่องมือก็พอมีบ้างแล้ว ..แต่คิดว่าตัวเองยังไม่เข้าใจระบบภายในดีพอ โดยเฉพาะเครื่องยุคปัจจุบัน เช่น สวิทส์ชิ่งภาคจ่ายไฟ ระบบคำสั่งให้เครื่องทำงาน หรือหยุดทำงาน ,วิธีการไล่วงจร ควรจะตั้งต้นอย่างไร-ตรงไหน? ..เหมือนความรู้ที่เรามีมันยังไม่ถึงฝั่ง พอทำได้ แต่ก็ติด ๆ ขัด ๆ ยังงัยพิกล ไฟ 3,5,12,30,110,180,300 โวลต์ ทำงานอย่างไร? อันไหนก่อน อันไหนหลัง?     
      - เห็นโฆษณาในโซเชียล ..หลักสูตรช่างซ่อม Monitor+TV LCD,LED เรียนต่อเนื่อง 5 วันเต็ม 9.00-17.30 ได้ผล 100% 8,500.-บาท น่าสนใจ-ได้ผลจริงหรือเปล่า ?
 >> ขอบคุณครับ ...



งานซ่อมถ้าจะเอาจริงจัง ลงทุนสูงอยู่เหมือนกัน ค่าร้าน ค่าทีมงาน ฝีมือช่าง เครื่องบางเครื่องพังทิ้งดีกว่าซ่อม ทำเล ซ่อมเร็ว ทนทานใช้ได้นานปี งานคงมีมาเรื่อยๆ แต่เปิดร้านซ่อมจะเอาดีเหมือนในอดีตยากแล้วครับ ยังไงรอความเห็นอื่นอีกทีแล้วกัน..



เห็นด้วยเรื่องงานอิสระไม่มีเกษียณอายุ ทำไหวก็ทำไปได้เรื่อย ๆ  ถ้าแค่งานไฟฟ้า เช่นเครื่องซักผ้า เตารีด หม้อหุงข้าว พัดลม เครื่องทำน้ำอุ่น ประมาณนี้ก็ไม่น่าจะยุ่งยากเท่าไหร่ แต่พอเป็นอุปกรณ์ Electronic  เข้ามาด้วยหล่ะก็เริ่มจะมีปัญหาแล้วเพราะอุปกรณ์ใหม่ ๆ มันเล็กมาก (SMD)
 สายตาเริ่มไม่ไหวต้องอาศัยแว่นขยายเป็นตัวช่วย และเครื่องมือก็ต้องพร้อม แต่บางอย่างเปลี่ยนยกชุดได้ก็ง่ายหน่อย ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมเสมอเพื่อให้รู้หลักการทำงานและแนวทางการซ่อมของอุปกรณ์ต่าง ๆ  ผมเองก็ไม่ได้มาสายนี้หรอกแต่ก็ได้ทำบ้างเป็นครั้งคราวครับ



อายุ 60 ยังสบายไม่แก่เกินไป ถ้าเป็นช่างไม่ต้องสายตรงตามอุปกรณ์ที่ซ่อมก็ได้
 ถ้าพอมีพื้นความรู้อยู่บ้าง แนะนำว่า ควรซ่อมเป็นอย่างๆชำนาญไปในทางเดียว  จะง่ายและไม่ฟุ้ง
 แนะนำอีกว่า ปัจจุบันนี้ซ่อมเครื่องซักผ้าจะมีงานมากจนเหลือรับ แม้แต่บ้านจะอยู่ถนนในซอย แต่ต้องมีรถปิกอัพ
 และควรวางขายเครื่องซักผ้าเก่าไว้สัก 2 - 3 ครื่อง ยิ่งดูดี
 
 เครื่องซักผ้าซ่อมง่าย บางทีดูด้วยตาก็รู้ บางทีก็ลองต่อตรงดู อะไรเสียไม่เสีย
 อะไรก่อนอะไรหลัง เช่นทำไมน้ำได้ระดับแล้ววาล์จึงปิด ตัวไหนสั่งให้ปิด ถ้าพอมีพื้นความรู้ก็ไม่ต้องอธิบายมาก
 ว่ามันเป็นไปตามระบบหรือไม่
 ทีนี้พอเป็นแผงวงจรเสีย  ทำอย่างไร ก็แค่ไปซื้อแถวบ้านหม้อ ข้อมูลหายก็ไปลงใหม่ที่ร้านอมรถ้ารุ่นนั้นมี
 อันไหนไม่มีก็ไม่ต้องไปแปลงวงจร  มันเสียเวลามากและไม่คุ้ม
 
 ถ้ายังไม่ค่อยรู้ก็ค่อยๆซ่อมไปทีละ 2 - 3 เครื่องก่อน พอไปซิ้ออะไหล่หลายครั้งเข้าเดี๋ยวก็รู้เอง
 ถ้าเห็นว่าไปได้ดี3 - 4 เดือนก็รับลูกจ้างมาช่วยได้
 
 เรื่องค่าซ่อม อย่างต่ำต้อง 1,500  หนูกัดสายก็ 1,500 ยากบ้าง ง่ายบ้างแพงกมากก็ไม่ดีเฉลี่ยกันไป
 ระวังจะเอาตัวไม่รอดเพราะค่าใช้จ่ายแฝงมันมีตลอด ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าแรงตัวเอง
 รวมทั้งไปซื้ออะไหล่ก็ครึ่งวันเข้าไปแล้ว
 
 เรื่องความรับผิดช่อบสำคัญมากสำหรับช่างดีๆ เอาเป็นว่า อย่าเสียดายน้ำเสียดายไฟในการลองเครื่อง
 ทุกอย่างผ่านการทดลองดีแล้ว จึงส่งลูกค้า อันนี้สำคัญมาก



ที่บ้านเป็นช่างซ่อมครับ
 ขอบอกเลย ค่าแรง 1เครื่อง 150บาท (แล้วแต่ ค่าครองชีพแถวนั้น )
 เครื่องบางเครื่องซ่อมไม่คุมต้องรีบบอกลูกค้า เพราะ จะเจอ ซ่อมแล้วลูกค้ามาบอกไม่ซ่อมให้ถอดอะไหล่ออก (เสียเวลาแถมไม่ได้ตัง )
 1เครื่อง ใช้เวลาซ่อม 1-2 วันถ้าหาอาการเจอไว+มีอะไหล่     บางเครื่อง 1อาทิตย์ ยังไม่เสร็ด อะไหล่ไม่มี  ขาย
 และทำใจเรื่อง ของเต็มบ้านด้วยครับเพราะจะมีลูกค้าเอามาซ่อมแล้วไม่มาเอา เก็บจนอะไหล่เสื่อมอีก (เวลาขาย ลูกค้าดันมาเอา ถึงกับแจ้งความเลยว่าเอาของเค้าไปขายได้ยังไง เจอมากับตัว ทิ้งไว 1ปี พอจะขายทิ้ง ดันมาขอคืน )


ที่มา: https://pantip.com/topic/35501314