ปัจจุบันจะมีบ้านสักกี่หลังที่เราจะสามารถนอนเปิดหน้าต่างคอยรับความเย็นจากอากาศภายนอกบ้านที่จะถ่ายเทเข้ามาในห้องนอนได้ ยิ่งถ้าอยู่ในบ้านจัดสรรด้วยแล้ว หน้าต่างแทนที่จะเปิดบ้าง กลับมีผ้าม่านมาปิดบังไว้เพราะไม่อยากให้เพื่อนบ้านมองเข้ามาเห็นเราที่อยู่ในห้องว่ากำลังทำอะไรอยู่
การติดเครื่องปรับอากาศให้กับห้องนอนจึงเป็นเรื่องปกติที่ทำกันทุกบ้าน แต่ทราบกันหรือไม่ว่า การติดเครื่องปรับอากาศในห้องนอนมีเรื่องที่ตามมาให้ยุ่งยากใจมากมาย ไม่ใช่แค่ว่ามีที่แขวนเครื่องทำความเย็นในห้องแล้วก็จบ
การเลือกติดตั้งในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมก็เกิดอาการเกะกะสายตา และที่หนักที่สุดคือ ถ้าติดไม่ดีจะทำให้สุขภาพย่ำแย่โดยไม่รู้ตัว มาดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้าง
อย่างแรก คือ
เรื่องขนาดของเครื่องปรับอากาศ ซึ่งควรเลือกให้สัมพันธ์กับขนาดปริมาตรอากาศในห้องนอน เช่น ถ้าห้องนอนที่มีขนาดประมาณ 3x3 ม. และเพดานสูงไม่เกิน 2.7 ม. ( ซึ่งเป็นปริมาตร และพื้นที่สำหรับหนึ่งคนนอนในหนึ่งคืน ให้สามารถมีออกซิเจนหายใจได้อย่างพอเพียง และตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น) ประมาณว่าใช้เครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 บีทียูก็จะเหมาะสม แต่ถ้าผนังห้องโดนแดดในตอนบ่าย หรือมีความร้อนแผ่จากฝ้าเพดานลงมา ก็ควรเพิ่มขนาดเครื่องขึ้นไปอีกสักเล็กน้อย เช่น สัก 10,000 ถึง 12,000 บีทียู เป็นต้น (ก่อนซื้อเครื่องปรับอากาศควรให้ข้อมูลขนาดพื้นที่ ความสูง รวมถึงสภาพการรับความร้อนแก่คนขาย เพื่อให้ได้รับคำแนะนำเรื่องขนาดเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสม)
ภาพ: ตัวอย่างขนาดห้องนอน สำหรับ 1 คนนอน
เรื่องถัดมาคือ
ตำแหน่งการติดตั้งเครื่องเป่าลมเย็นภายในห้อง ควรติดอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเข้าถึงได้สะดวก ใต้เครื่องปรับอากาศไม่ควรมีตู้หรือเฟอร์นิเจอร์รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดอื่นใดวางเกะกะข้างล่างเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึงตัวเครื่องเพื่อถอดตะแกรงกรองฝุ่นไปทำความสะอาด รวมถึงไม่เกิดเหตุไฟซ๊อต-ไฟดูดจากน้ำหยดลงเครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ไปบังหรือขวางทิศทางลมเย็นจากเครื่อง
ทิศทางลมที่เป่าจากตัวเครื่องควรอยู่ในทิศทางที่ตั้งฉากกับเตียง (พัดขวางลำตัวเวลานอน)
และค่อนมาตรงกลางลำตัวหรือไปทางเท้า ไม่ควรให้ทิศทางลมจากเครื่องปรับอากาศเป่าลมเย็นสวนจากปลายเท้าขึ้นมาทางศีรษะซึ่งเวลาเรานอนลมเย็นจะพัดสวนเข้าจมูกตลอด จะทำให้ระบบหายใจทำงานผิดปกติมีโอกาสเป็นหวัดเรื้อรังได้ง่าย
ภาพ: ตัวอย่างทิศทางลมจากเครื่องปรับอากาศ ที่ควรเป่าขวางลำตัว
ภาพ: ตัวอย่างทิศทางลมจากเครื่องปรับอากาศ ที่เป่าสวนขึ้นจมูก อาจทำให้เป็นหวัดและไม่สบายบ่อยๆ
อีกเรื่องที่สำคัญคือ ทุกครั้งขณะที่เครื่องทำความเย็นภายในห้องทำงาน จะมีไอน้ำกลั่นตัวเป็นหยดน้ำลงมาที่ถาดรองในตัวเครื่องเป่าลมเย็น ซึ่ง
ถ้าตำแหน่งติดตั้งตัวเครื่องตรงกับภายนอกบ้านก็จะทำให้สะดวกต่อ การเจาะผนังยื่นท่อระบายน้ำทิ้งออกไปภายนอกได้สะดวก หรือไม่ก็ควรจะอยู่ใกล้กับระเบียง หรือใกล้กับห้องน้ำ เพื่อที่จะได้สามารถเดินท่อน้ำทิ้งไปยังบริเวณดังกล่าวได้ และ
ที่สำคัญที่สุดคือ อย่าเอาแต่เปิดใช้งานอย่างเดียว
ควรถอดแผ่นกรองฝุ่นมาดูดทำความสะอาดทุกๆ 1-2 เดือนเพื่อสุขภาพอนามัย และช่วยให้ตะแกรงดักฝุ่นไม่อุดตัน เครื่องจะได้ไม่ทำงานหนักจนเกินไป
สำหรับ
ตัวเครื่องระบายความร้อนที่ติดตั้งไว้นอกตัวอาคาร
ควรให้ระยะทางการเดินท่อจากตัวเครื่องระบายความร้อนถึงเครื่องทำความเย็นภายในห้องไม่เกินระยะที่กำหนดไว้ (ประมาณ 12-20 ม.แล้วแต่รุ่นและยี่ห้อ) เพื่อประสิทธิภาพการทำงานของปั๊มน้ำยาสามารถสูบฉีดได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรณีตัวเครื่องระบายความร้อนติดกับผนังอาคารให้ติดตั้งบนชุดแขวนรองด้วยลูกยางในจุดที่ไม่เกิดการสั่นสะเทือนเวลาเปิดเครื่อง
ภาพ: เครื่องปรับอากาศ ซึ่งจะมีเครื่องเป่าลมเย็นภายในห้อง และ เครื่องระบายความร้อนนอกห้อง
ขอขอบคุณภาพ: บ้านคุณเกด-เจษฎ์สุภา พิพัฒนสุภรณ์ และคุณจี๊ป-ปริญญา ณรงค์ธนรัฐ
การเลือกติดตั้งชุดอุปกรณ์ขาแขวนกับบริเวณที่เป็นแนวคานเพื่อลดเสียงสะเทือนขณะที่เครื่องทำงาน จะดีกว่าการยึดติดกับผนังเฉยๆ ซึ่งจะเกิดเสียงจากการทำงานมากกว่า หรือไม่ก็วางกับพื้นระเบียงที่ควรยึดตัวเครื่องอย่างแน่นหนากับแท่นเครื่องด้วยยางรองแท่นเพื่อลดแรงสั่นสะเทือนและเสียงลง จะได้ไม่รบกวนการนอนหลับของเราเวลาที่ปั๊มหรือพัดลมทำงาน เท่านี้ก็จะได้อยู่เย็นนอนสบายกันทั้งคืน
สุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุด คือ
อย่าลืมยกเบรคเกอร์ลงปิดระบบการทำงาน (ที่ทางร้านติดตั้งมาให้ด้วย)
ทุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพราะถ้าปิดเครื่องด้วยรีโมทอย่างเดียว ตัวระบบทั้งหมดยังอยู่ในโหมด Standby (พร้อมทำงานตลอดเวลา) นั่นคือท่านเสียเงินค่าไฟฟ้าที่ไฟเลี้ยงเครื่องในขณะที่ไม่ใช้งานโดยไม่จำเป็น
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล: http://www.candleair.com http://easyairservice.files.wordpress.comhttp://www.scgbuildingmaterials.com/th/HomeConsult/Blog/improve-care/Air-Conditioner-and-Bedroom.aspx