ผู้เขียน หัวข้อ: แผ่นฟอกอากาศ ชนิดต่างๆของแผ่นฟอกอากาศ  (อ่าน 2514 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Master

  • [color=Turquoise][i]"อาจจะเหนื่อยล้าและมีผิดหวัง แต่ยังมีพรุ่งนี้ให้เราได้เริ่มกันใหม่ ทุกชีวิตที่อยู่ในเมืองนี้ สักวันก็คงได้สมดังใจ ... "[/i][/color]
  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 487
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
ชนิดแผ่นฟอกอากาศแอร์
ชนิดของแผ่นฟอกอากาศของแอร์ แผ่นกรองอากาศจะมีสองชนิด คือ
1) แผ่นกรองอากาศแบบ UV แคตตาไลท์ติก คุณสมบัติ คือจะมีอายุการใช้งานตลอดอายุการใช้งานของแอร์ไม่ต้องเปลี่ยน เพียงแต่ทุกๆ 6 เดือน ต้องนำออกมาตากแดดประมาณ 6 ชั่วโมงและทำการเคาะฝุ่นออกเท่านั้นแต่ข้อควรระวังคือห้ามทำให้โดนน้ำโดยเด็ดขาดเพราะทำให้ชำรุดเสียหาย
2) แผ่นกรองอากาศแบบ โฟโตแคตตาไลท์ติก คุณสมบัติ คือ จะมีอายุการใช้งานประมาณ 2-3 ปีเท่านั้น การทำความสะอาดก็เพียงนำมาเคาะฝุ่นออกก็เพียงพอไม่ต้องนำไปตากแดด สามารถโดนน้ำได้แต่หากทำความสะอาดด้วยน้ำไม่ควรบีบตัวกรองเพื่อไล่น้ำเพราะจะทำให้แผ่นกรองเสียรูป

 * ข้อสังเกตในการดูว่าแผ่นกรองอากาศของเราเป็นแบบไหนให้จับด้วยมือ ถ้าจับดูแล้วแผ่นนุ่มๆสามารถบิดได้แสดงว่าเป็นแผ่นกรองอากาศแบบโฟโตแคตตาไลท์ติกแต่ถ้าจับดูแล้วแข็งๆ ไม่สามารถบิดตัวได้ก็แสดงว่าเป็นแผ่นกรองอากาศแบบ UV แคตตาไลท์ติก แผ่นฟอกอากาศ ชนิดต่างๆของแผ่นฟอกอากาศ



ระบบฟอกอากาศของแอร์บ้าน
ระบบฟอกอากาศของแอร์ในปัจจุบัน ระบบฟอกอากาศ ( Air Purifier) ในปัจจุบันผู้ผลิตนิยมติดตั้งระบบฟอกอากาศไว้ในแอร์เพื่อช่วยทำให้อากาศภายในห้องมีความสะอาดบริสุทธิ์ มากขึ้น ซึ่งระบบฟอกอากาศที่ติดตั้งมาพร้อมเครื่องปรับอากาศมีอยู่ด้วยกันหลายระบบดังนี้ แผ่นฟอกอากาศ ชนิดต่างๆของแผ่นฟอกอากาศ

การกรอง ( Filtration) เป็นการใช้แผ่นกรองอากาศในการดักจับฝุ่นละออง หรืออนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่าช่องว่างระหว่างเส้นใย โดยที่สิ่งสกปรกจะติดค้างอยู่ที่ไส้กรอง และต้องทำการเปลี่ยนเมื่อหมดอายุการใช้งาน ตัวอย่างของระบบนี้ก็คือ HEPA (High Efficiency Particulate Air) ซึ่งเป็นการกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.05 ไมครอน ในกรณีที่ต้องการกำจัดกลิ่นในอากาศ จะนิยมใช้แผ่นคาร์บอน ( Activated carbon filters) เพื่อดูดซับกลิ่นเช่น กลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นอาหารเป็นต้น แผ่นฟอกอากาศ ชนิดต่างๆของแผ่นฟอกอากาศ

การดักจับด้วยไฟฟ้าสถิต ( Electrostatic Precipitator) เป็นการใช้ตะแกรงไฟฟ้า ( Electric grids) ในการดักจับฝุ่นละออง หรืออนุภาคโดยการเพิ่มประจุไฟฟ้าให้กับอนุภาคฝุ่นละออง และใช้แผ่นโลหะอีกชุดหนึ่งซึ่งเรียงขนานกันดูดอนุภาคฝุ่นละอองไว้ โดยที่หลังจากใช้งานไประยะหนึ่งต้องหยุดเครื่องเพื่อทำความสะอาดแผ่นโลหะ แผ่นฟอกอากาศ ชนิดต่างๆของแผ่นฟอกอากาศ

การปล่อยประจุไฟฟ้า ( Ionizer) เป็นการใช้เครื่องผลิตประจุไฟฟ้าและปล่อยออกมาพร้อมกับลมเย็นเพื่อดูดจับอนุภาคฝุ่นละออง และกลิ่น โดยประจุลบที่ปล่อยออกมาจะทำการดูดจับอนุภาคฝุ่นละอองและกลิ่น ซึ่งมีโครงสร้างเป็นประจุบวก จนกระทั่งกลุ่มอนุภาคเหล่านั้นรวมตัวกันจนมีขนาดใหญ่ขึ้น และตกลงสู่พื้นห้อง โดยกลุ่มอนุภาคเหล่านั้นจะถูกกำจัดไปพร้อมกับการทำความสะอาดพื้นห้องตามปกติ ดังนั้นระบบนี้จึงไม่จำเป็นต้องมีการทำความสะอาดเพราะไม่มีการดักจับโดยใช้แผ่นกรอง แต่เป็นการใช้ปฏิกิริยาทางเคมี ประจุลบ หมายถึง ผลิตจากระบบฟอกอากาศ ( อากาศบริสุทธิ์ ) ประจุบวก หมายถึง ฝุ่นละออง กลิ่น ควัน เชื้อโรค


ที่มา: http://www.chiangmaiaircare.com/%e0%b9%81%e0%b8%9c%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%9f%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a8/
รูปภาพ www.somkiet.com

ออฟไลน์ Master

  • [color=Turquoise][i]"อาจจะเหนื่อยล้าและมีผิดหวัง แต่ยังมีพรุ่งนี้ให้เราได้เริ่มกันใหม่ ทุกชีวิตที่อยู่ในเมืองนี้ สักวันก็คงได้สมดังใจ ... "[/i][/color]
  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 487
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 21 พฤศจิกายน 2017, 16:25:10 »

การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ 

จุดสำคัญสำหรับเครื่องฟอกอากาศอยู่ที่แผ่นกรองหรือตัวกรองอากาศ

 แผ่นกรองหรือตัวกรองอากาศมี 5 แบบ

1. HEPA ย่อมาจาก High Efficiency Particulate Air (HEPA) มันคือการเกิดจากการนำวัตถุดิบที่เรียกว่า Borosilicate Microfiber มาขึ้นรูปเป็นแผ่น ซึ่งมันก็คือ Fiber Glass ด้วยเทคนิคระหว่างกระบวนการผลิตทำให้ HEPA Filter มีความสามารถที่จะดักจับฝุ่นละอองต่างๆ รวมทั้งสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กๆที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่อย่างไรก็ตาม HEPA Filter ไม่สามารถกักเก็บก๊าซหรือสาร VOCs ต่างๆได้เนื่องจากขนาดที่เล็กกว่ามาก แต่ข้อเสียของมันคือการที่มาจาก Fiber Glass ซึ่งดูดจับความชื้นอาจจะทำให้เป็นเชื้อราได้แล้วถ้าสูดดมเข้าไปก็เป็นต้นเหตูของการเกิดมะเร็ง

2. ULPA ย่อมากจาก Ultra Low Penetration Air สำหรับ ULPA ก็จะเป็นลักษณะเดียวกับ HEPA แต่ว่าจะมีคุณสมบัติของมันจะเหนือกว่าจรงที่กรองอนุภาคฝุ่นได้เล็กกว่า แต่ก็ราคาสูงกว่ามากและตันเร็วมากเช่นกัน

3.ระบบประจุไฟฟ้าสถิตย์ (Electrostatic) เป็นระบบการฟอกที่ใช้หลักการทำงานด้วยการเติมประจุไฟฟ้าบวกหรือประจุไฟฟ้าลบ (ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละยี่ห้อ) ให้กับฝุ่นละอองและเชื้อโรคต่างๆ เมื่ออนุภาคเหล่านี้ไหลผ่านแผ่นกรองที่มีประจุไฟฟ้าลบ (ประจุไฟฟ้าที่แผ่นกรองจะเป็นประจุไฟฟ้าที่ตรงข้ามกับประจุไฟฟ้าที่สร้างในอากาศ) ก็จะถูกดูดให้ติดกับแผ่นกรอง ประสิทธิภาพในการกรองสูงสุดประมาณ 95% ข้อเสียของระบบประจุไฟฟ้าสถิตย์ – ประสิทธิภาพการดักจับอนุภาคต่างๆ น้อยกว่าแผ่นกรอง HEPA และ ULPA – เป็นระบบที่ทำหน้าที่เพียงกรองฝุ่นละออง กลิ่น และเชื้อราบางชนิด ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีแผ่นกรองชนิดที่สามารถกรองเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา คอยทำหน้าที่ร่วมกันภายในเครื่องฟอกอากาศ

4.แผ่นกรอง Carbon ตัวนี้จะมาช่วยเสริม คุณสมบัติของ 2 แผ่นแรก ช่วยในการกำจัดกลิ่น

5.แผ่นกรองฟิลทรีท เป็นแผ่นกรองอากาศของ 3M กรองด้วยแผ่นกรองที่ผ่านการชาร์ทไฟฟ้าสถิตย์แบบถาวร กรองอนุภาคได้เล็กถึง 0.1 ไมครอนกรองสิ่งสกปรกในอากาศได้ดีกว่าแผ่นกรอง HEPA และ ULPA ทั่วไป อีกทั้งยังสามารถกรอง ฝุ่นเล็กๆ ภายในห้อง, รังแคสัตว์, เชื้อแบคทีเรีย, ควันบุหรี่ และควันจากการปรุงอาหาร, อนุภาคที่จับกลุ่ม และไวรัสมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูง

ขอบคุณที่มา : http://www.chiangmaiaircare.com/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%8b%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%9f%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a8/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 พฤศจิกายน 2017, 03:13:29 โดย Master »

ออฟไลน์ Master

  • [color=Turquoise][i]"อาจจะเหนื่อยล้าและมีผิดหวัง แต่ยังมีพรุ่งนี้ให้เราได้เริ่มกันใหม่ ทุกชีวิตที่อยู่ในเมืองนี้ สักวันก็คงได้สมดังใจ ... "[/i][/color]
  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 487
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
สำหรับแผ่นฟอกอากาศ ทุกๆ 6 เดือน ต้องนำออกมาทำความสะอาดปัดฝุ่น

สำหรับแผ่นขจัดกลิ่น ทุกๆ 6 เดือน ต้องนำออกมาทำความสะอาดปัดฝุ่นและนำไปผึ่งแดดประมาณ 6 ชั่วโมง จากนั้นใส่กลับเข้าตามเดิม (ระวัง : แผ่นฟอกอากาศห้ามล้างด้วยน้ำโดยเด็ดขาด)

สำหรับการเปลี่ยนแผ่นฟอกอากาศทั้งสองนั้น ทุกๆ 3 ปี ควรที่จะเปลี่ยนใหม่


ขอบคุณที่มา : http://www.chiangmaiaircare.com/%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%9c%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%9f%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a8%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b9%83%e0%b8%94-%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%94%e0%b8%b9%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b9%81%e0%b8%9c%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%9f%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a8/

ออฟไลน์ Master

  • [color=Turquoise][i]"อาจจะเหนื่อยล้าและมีผิดหวัง แต่ยังมีพรุ่งนี้ให้เราได้เริ่มกันใหม่ ทุกชีวิตที่อยู่ในเมืองนี้ สักวันก็คงได้สมดังใจ ... "[/i][/color]
  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 487
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
แผ่นกรองอากาศที่ปัจจุบันนิยมใช้นั้น มีเพียงไม่กี่แบบหรอก หรือภาษาทางเทคนิคเราเรียกกันว่า "แผ่นฟิลเตอร์กรองอากาศ" หรือ "ระบบฟิลเตอร์กรองอากาศ" โดยจะจำแนกออกเป็น 4 ชนิดแผ่นกรองอากาศ โดยยึดการแบ่งตามคุณสมบัติเป็นหลัก ได้แก่

1. แผ่นกรองหยาบ ระบบฟิลเตอร์ และชนิดแผ่นกรองอากาศ (ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน) คุณสมบัติของแผ่นกรองหยาบนั้น จะสามารถกรองฝุ่นขนาดกลาง ถึงใหญ่ได้ วัสดุทำจากพลาสติกอย่างดี มีความเหนียว และทนทาน ส่วนมากจะใช้คลุมบริเวณแผงคอล์ยเย็น ซึ่งมีอายุการใช้งานที่อาจจะเรียกได้ว่า อมตะ กันเลยทีเดียว โดยสามารถถอดมาล้างน้ำได้เพื่อทำความสะอาด

2. แผ่นกรองละเอียด ระบบฟิลเตอร์ และชนิดแผ่นกรองอากาศ (ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน) คุณสมบัติของแผ่นกรองละเอียดนั้น มีหน้าที่กรองฝุ่นขนาดเล็ก (ชื่อก็บอกว่ากรองละเอียด) และเจ้าแผ่นกรองอากาศที่ติดกับแอร์นี้ ยังสามารถดักจับเชื้อรา รวมไปถึงเชื้อแบคทีเรียในอากาศได้อีกด้วย อายุการใช้งานก็พอประมาณคือ 3-6 เดือน โดยขึ้นอยู่กับการใช้งาน ซึ่งแผ่นกรองแบบละเอียดนี้ ไม่สามารถนำมาล้างทำความสะอาดได้ ควรจะเปลี่ยนเมื่อหมดอายุการใช้งาน ระบบฟิลเตอร์ และชนิดแผ่นกรองอากาศ (ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน)


3. แผ่นกรองกลิ่น ระบบฟิลเตอร์ และชนิดแผ่นกรองอากาศ (ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน) คุณสมบัติของแผ่นกรองกลิ่นก็ตามชื่ออีกเช่นเคย คือมีหน้าที่ดักจับมลภาวะ จำพวก คาร์บอน ผงถ่าน ทำให้สามารถกรองกลิ่นได้ ทั้งกลิ่นอับและควัน แถมบางยี่ห้อยังเทพขึ้นไปอีก ด้วยการเพิ่มคถณสมบัติ ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้อีกด้วย

4. แผ่นกรองแบบไฟฟ้าสถิตย์ ระบบฟิลเตอร์ และชนิดแผ่นกรองอากาศ (ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน) คุณสมบัติของแผ่นกรองไฟฟ้าสถิตย์นั้น เป็นการใช้งานแบบพรีเมียม กล่าวคือมันจะดักจับอนุภาค + และ – ในอากาศ และทำการกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้อย่างดีเยี่ยมกว่าแผ่นกรองแบอื่นๆ อายุการใช้งานนั้นก็ยาวนาน เรียกได้ว่าลืมไปเลยว่ามี แต่ก็นะ ไม่สามารถถอดนำมาทำความสะอาดได้

แผ่นกรองแบบไฟฟ้าสถิตย์นั้น สามารถกรองได้แบบขั้นเทพก็จริง แต่ต้องผ่านแผ่นกรองหยาบก่อน ซึ่งเครื่องปรับอากาศโดยส่วนใหญ่นั้นจะต้องมีแผ่นกรองหยาบก่อนเสมอ เพื่อเป็นการกรองขั้นแรกก่อนจะเข้าไปยังแผ่นกรองอากาศแบบอื่นๆ



แล้วแอร์ที่มีระบบฟอกอากาศ + แผ่นกรองอากาศนั้น เทียบได้ไหมกับเครื่องฟอกอากาศ
คำถามนี้ตอบได้ง่ายมากๆ นั้นก็คือ ประสิทธิภาพเทียบกันไม่ได้ เพราะเครื่องฟอกอากาศจะทำหน้าที่ได้ดีกว่ามากๆ และเป็นผลิตภัณท์เฉพาะทาง ทำให้แอร์สู้ระบบฟอกอากาศในเครื่องฟอกอากาศไม่ได้แน่นอน แต่ที่แอร์จำเป็นต้องมีระบบฟอกอากาศ ก็เพราะเป็นการทำงานหมุนเวียนอากาศให้สะอาดในระดับหนึ่ง ซึ่งก็เพียงพอแล้วต่อการอยู่อาศัยในห้องนอน หรือบ้าน ที่ไม่มีมลพิศมากมายนัก


ขอบคุณที่มา : http://www.chiangmaiaircare.com/%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b8%9f%e0%b8%b4%e0%b8%a5%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c-%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%8a%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b9%81%e0%b8%9c%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a8-%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%a2%e0%b8%a1%e0%b9%83%e0%b8%8a%e0%b9%89%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%9b%e0%b8%b1%e0%b8%88%e0%b8%88%e0%b8%b8%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%99/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 พฤศจิกายน 2017, 13:18:02 โดย Master »

ออฟไลน์ Master

  • [color=Turquoise][i]"อาจจะเหนื่อยล้าและมีผิดหวัง แต่ยังมีพรุ่งนี้ให้เราได้เริ่มกันใหม่ ทุกชีวิตที่อยู่ในเมืองนี้ สักวันก็คงได้สมดังใจ ... "[/i][/color]
  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 487
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
ระบบฟอกอากาศ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2017, 23:36:06 »
ระบบฟอกอากาศ

1. ระบบแผ่นฟอก หรือตะแกรงประจุ ที่อยู่ภายในเครื่อง
2. ระบบพ่นอนุภาคไฟฟ้าออกมานอกเครื่อง แบ่งเป็น
     2.1 พ่นอนุภาคไฟฟ้า – เพียงอย่างเดียว
     2.2 พ่นอนุภาคไฟฟ้า + และ – ทั้งคู่

     ระบบ แผ่นฟอก หรือตะแกรงประจุ ที่อยู่ภายในเครื่อง จะดีสำหรับการดักจับฝุ่น ควัน เพราะจะถูกดูดเข้ามาในเครื่อง แต่ก็จะไม่ได้ผลในกรณีที่ผู้ใช้แอร์ยอมไม่เปลี่ยนแผ่นฟอก หรือทำความสะอาดตะแกรงประจุ บ่อยๆ สำหรับเชื้อโรคบางชนิดก็สามารถถูกดักจับได้เหมือนกัน แต่ก็ติดปัญหาที่ว่ามันไม่ตาย และสะสมอยู่ภายในเครื่อง สังเกตุได้จากการมีกลิ่นอับชื้นตอนเปิดแอร์ ซึ่งเป็นกลิ่นอับชื้นจากเชื้อราภายในเครื่อง สามารถทำให้คนเกิดอาการภูมิแพ้ได้ เช่น จาม คัดจมูก หนักหน่อยก็พัฒนาเป็นโรคหอบหืด

     ระบบพ่นอนุภาคไฟฟ้า – ออกมานอกเครื่อง จะมีผลทำให้ร่างกายสดชื่น ไม่มีต่อการฆ่าเชื้อโรค สลายกลิ่นอับชื้น

     ระบบ พ่นอนุภาคไฟฟ้า + และ – ออกมานอกเครื่อง (ระบบพลาสม่าคลัสเตอร์) จะมีผลไปฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส ที่ลอยในอากาศในห้อง ทุกซอกมุม หรือไปเจอกลิ่นอับชื้นที่ไหน ก็สลายกลิ่นเหล่านั้นให้หมดไปจากโลก ล่าสุด ค้นพบว่าพลาสม่าคลัสเตอร์สามารถสลายสารก่อภูมิแพ้จากตัวไรฝุ่นได้ ประสิทธิภาพเหล่านี้ถูกรับรองจากสถาบันวิจัยนานาชาติ 8 แห่ง

ผู้ที่ควรใช้ระบบฟอกอากาศพลาสม่าคลัสเตอร์ได้แก่

1. ผู้มีโอกาสหรือเป็นโรคภูมิแพ้
2. เด็ก ทารก เพราะมีภูมิต้านทานโรคต่ำ สังเกตุได้จากการเป็นหวัดบ่อย จามตอนเช้า
3. ผู้สูงอายุ ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และ ควบคุมระบบขับถ่ายไม่ได้
4. ผู้สูบบุหรี่ หรืออยู่ใกล้ เพราะสามารถกำจัดสารพิษก่อมะเร็งในควันบุหรี่ได้
5. ผู้ที่เป็นหวัดบ่อยๆ พลาสม่าคลัสเตอร์จะช่วยให้เป็นหวัดน้อยครั้งลงได้
6. คลีนิค โรงพยาบาล ย่านชุมชน ห้องอาหาร คาราโอเกะ เพราะสามารถกำจัดเชื้อโรค และสลายกลิ่นอับชื้น กลิ่นบุหรี่ ต่างๆ ได้ดี


ที่มา: https://easyairservice.wordpress.com/2011/02/22/air-purificationsystem/