ผู้เขียน หัวข้อ: ล้างแอร์บ้าน บ่อยๆจำเป็นไหม? ข้อดีของการล้างแอร์?  (อ่าน 1195 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Master

  • [color=Turquoise][i]"อาจจะเหนื่อยล้าและมีผิดหวัง แต่ยังมีพรุ่งนี้ให้เราได้เริ่มกันใหม่ ทุกชีวิตที่อยู่ในเมืองนี้ สักวันก็คงได้สมดังใจ ... "[/i][/color]
  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 487
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
เครื่องปรับอากาศหรือแอร์บ้านทั่วไปเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีการใช้งานเป็นประจำบางสถานที่ก็เปิดแอร์ทุกวัน ซึ่งการเปิดใช้งานแอร์แต่ละครั้งจะทำให้เกิดการสะสมของฝุ่น ยิ่งสถานที่ๆ ใกล้ถนน ใกล้บริเวณก่อสร้าง หรืออยู่ในเมืองใหญ่ ฝุ่นละอองที่เข้ามาเกาะตามอุปกรณ์และชิ้นส่วนต่างๆ ของแอร์ยิ่งมีปริมาณมาก การล้างแอร์จึงเป็นคำตอบของการบำรุงรักษาและดูแลเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องปรับอากาศของเราเกิดความขัดข้องหรือเสื่อมประสิทธิภาพในการทำงาน ข้อดีของการล้างแอร์บ่อยๆ จำเป็นไหม?

1. การล้างแอร์เป็นประจำช่วยให้ประหยัดค่าไฟฟ้ามากขึ้นกว่าเดิม เพราะการทำความสะอาดฝุ่นที่เกาะสะสม จะช่วยลดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ รวมถึงบริเวณแผงคอยล์ร้อนและแผงคอยล์เย็นได้ ลดอาการตันของฝุ่นตามอุปกรณ์ต่างๆ ช่วยให้แอร์ทำงานได้ตามปกติโดยไม่กินไฟเพิ่มขึ้น จึงควรล้างแอร์ ทุกๆ 4-6 เดือน แต่หากอยู่ในบริเวณที่ฝุ่นเยอะก็ต้องล้างบ่อยขึ้น

2. การล้างแอร์ช่วยลดความเสี่ยงและสาเหตุของอาการขัดข้องต่างๆ ของเครื่องปรับอากาศ ทำให้ลดรายจ่ายในการซ่อมแซมหรือซื้อชิ้นส่วนอะไหล่ใหม่ๆ เพื่อการซ่อมแอร์

3. การล้างแอร์ช่วยทำให้แอร์มีประสิทธิภาพในการทำงานเต็มที่ ให้อากาศเย็นฉ่ำ รวมถึงช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน ไม่เสียง่าย ไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจผู้ใช้

4. การล้างแอร์‪‎ช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคต่างๆ เช่น‬ เชื้อรา แบคทีเรีย และฝุ่นละอองอันเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ ส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจของเรา ลดกลิ่นอับและกลิ่นเหม็นที่เกิดจากการสะสมของเชื้อราในตัวเครื่อง

5. การล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอลดปัญหาการเกิดน้ำแอร์หยดจากการอุดตันของท่อระบายน้ำทิ้งได้ ทำให้ลดความเสี่ยงจากอันตรายของไฟฟ้าลัดวงจรและอาการน้ำแข็งเกาะภายในตัวเครื่อง

6. การล้างแอร์ทำให้พัดลมของแอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้อากาศหมุนเวียนได้ดี ลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศลง

เห็นได้ว่าการล้างแอร์เป็นประจำตามความเหมาะสมนั้นมีข้อดีมากมาย ดังนั้นผู้ใช้แอร์บ้านทุกท่านจึงควรให้ความใส่ใจเรื่องการล้างแอร์ที่ถูกวิธีและต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอเด้วย


ที่มา: https://www.helpdee.com/blog/%e0%b8%a5%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b9%81%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99/

ออฟไลน์ Master

  • [color=Turquoise][i]"อาจจะเหนื่อยล้าและมีผิดหวัง แต่ยังมีพรุ่งนี้ให้เราได้เริ่มกันใหม่ ทุกชีวิตที่อยู่ในเมืองนี้ สักวันก็คงได้สมดังใจ ... "[/i][/color]
  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 487
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
แอร์กลิ่นอับ ล้างแอร์แล้วจะหายไหม?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2017, 23:03:30 »
แอร์กลิ่นอับ ล้างแอร์แล้วจะหายไหม?

แอร์กลิ่นอับ ในบรรดาผู้ใช้แอร์บ้าน เชื่อว่าหลายคนคงต้องเคยเจอกับปัญหาแอร์มีกลิ่นอับ กลิ่นเหม็นรุนแรง บางครั้งทำการล้างแอร์ก็ไม่สามารถชำระล้างกลิ่นให้หมดไปถาวรได้จนสร้างความรำคาญใจให้แก่คนในบ้านอย่างมาก
บทความของเราวันนี้จึงจะพาทุกท่านไปรู้สาเหตุของปัญหากลิ่นเหม็นอับจากแอร์และวิธีแก้ไขอย่างได้ผล

แอร์กลิ่นอับมีสาเหตุส่วนใหญ่ มาจากการสะสมของเชื้อราจำนวนมากภายในเครื่อง ซึ่งเชื้อราเหล่านี้เกิดมาจากความชื้นตกค้างที่เครื่องปรับอากาศไม่สามารถระบายออกได้ การล้างแอร์โดยผิวเผินก็ไม่สามารถชำระล้างเชื้อราได้อย่างหมดจดเช่นกัน เพราะเชื้อราตามปกติจะเกาะกินเข้าไปในเนื้อพลาสติก ทำให้การล้างแอร์ที่ทำด้วยตัวเองไม่สามารถขจัดต้นตอเชื้อราเหล่านี้ออกได้หมด เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมการล้างแอร์จึงทำให้กลิ่นอับหายไปได้แค่เพียงชั่วคราวนั่นเอง

การที่แอร์เกิดเชื้อราสะสมมีสาเหตุหลากหลายประการ เช่น ไม่ได้ล้างแอร์อย่างถูกต้องจนเกิดการอุดตันของฝุ่น ทำให้การระบายความชื้นในเครื่องไม่ดีจนเกิดเชื้อราขึ้น ไม่เปิดล้างแอร์เป็นเวลานาน ห้องมีความชื้นสูงเกินไป หรือระบบระบายน้ำไม่ดี เป็นต้น
แล้วต้องแก้ปัญหากลิ่นอับจากเชื้อราอย่างไรให้หมดไปแบบถาวร

การล้างแอร์เพื่อแก้ปัญหากลิ่นอับจากเชื้อราควรทำโดยช่างมืออาชีพที่สามารถถอดอุปกรณ์ต่างๆ ออกมาล้างได้อย่างหมดจดทุกส่วน รวมถึงบริเวณคอมเพรสเซอร์และบริเวณท่อน้ำทิ้งซึ่งเป็นจุดที่กำจัดเชื้อรายากที่สุดและมีการสะสมของเชื้อรามากที่สุด นอกจากนี้หลังการล้างแอร์ควรทิ้งระยะไม่เปิดใช้งานประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้น้ำยาฆ่าเชื้อราทำงานได้เต็มประสิทธิภาพจนมั่นใจว่าเชื้อราหมดไปแล้ว และเพื่อให้ภายในระบบแอร์และบริเวณท่อน้ำทิ้งแห้งสนิทเสียก่อน จึงเปิดใช้งานแอร์หลังจากนั้น การใช้บริการล้างแอร์จากช่างมืออาชีพจะช่วยให้สามารถทำความสะอาดเชื้อราบริเวณที่เข้าถึงยากได้ดีกว่าทำด้วยตัวเอง

แต่หากกลิ่นอับหรือกลิ่นเหม็นต่างๆ ไม่ได้เกิดจากเชื้อราสะสมภายในตัวเครื่องปรับอากาศ ก็ต้องทำการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เพราะแอร์มีหน้าที่ดูดอากาศจากภายนอกเข้ามาหมุนเวียนและทำให้เกิดความเย็น กลิ่นที่ติดมาด้วยอาจเกิดจากปัจจัยอื่นๆ ก็เป็นได้เช่นกัน


ที่มา: https://www.helpdee.com/blog/%e0%b9%81%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%9a/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 พฤศจิกายน 2017, 13:52:22 โดย Master »

ออฟไลน์ Master

  • [color=Turquoise][i]"อาจจะเหนื่อยล้าและมีผิดหวัง แต่ยังมีพรุ่งนี้ให้เราได้เริ่มกันใหม่ ทุกชีวิตที่อยู่ในเมืองนี้ สักวันก็คงได้สมดังใจ ... "[/i][/color]
  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 487
  • พอยท์: 0
    • ดูรายละเอียด
แอร์ จำเป็นต้องล้างแอร์ทุกปีไหมครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2017, 13:51:51 »
ควรล้างฟิลเตอร์ที่คอยล์เย็นในห้องเดือนละครั้ง   
ล้างใหญ่ ๑-๒ ปี/ครั้ง แล้วแต่ว่าบ้านอยู่แถวไหน สภาพฝุ่นมากขนาดไหน

ควรล้างแอร์ตอนหน้าหนาว เราจะกำหนดไว้เลยว่าจะล้างช่วงใกล้ปีใหม่ เพื่อให้จำง่ายๆ ช่วงนี้ช่างจะว่าง มีเวลาเยอะ ไม่รีบ



ที่บ้านล้างปีละ 2 ครั้ง เพราะฝุ่นเยอะ ช่างไว้ใจได้ ช่างบอกเหมือนความเห็นที่ 4 คือ น้ำยาแอร์มันไม่พล่องไปไหนหรอก ถ้าไม่มีรูรั่ว
ผมเคยโดนโกง เมื่อปีก่อน ร้านแอร์หน้าปากซอย มันติดป้ายใหญ่ บอกว่า "ล้างแอร์ใหญ่ 500 บาท เติมน้ำยาแอร์ฟรี" ก็เลยเรียกมันมา มันก็รีบมา ทำการล้างใหญ่ แล้วช่างของมันก็ไปดูที่ตู้คอมเพรสเซอร์ นอกบ้าน ทำทีเช็คคอมฯ และเติมน้ำยาแอร์ พอเสร็จ มันเรียกเก็บเงิน มันบอก 900 ค่าล้าง 500 ค่าเติมน้ำยาอีก 400 ยิ้ม อะไรวะ ก็เขียนป้ายออกเบ้อเริ่มเทิ่มว่าล้างใหญ่ 500 เติมน้ำยาฟรี ยอมเสียค่าโง่ จ่ายให้มัน แต่ก็สังเกตเห็นว่า ต่อมาไม่นาน ป้ายผ้าที่มันติดไว้หน้าร้านถูกปลดลงแล้ว สงสัยว่าลูกค้ารายอื่น ๆ คงโวยวาย ซื่อกันไม่หมด คดกินไม่นาน ตอนนี้ขับมอไซต์ไปปากซอยสังเกตเห็นร้านมันเหงา ๆ เหมือนไม่มีลูกค้า และเราก็ไม่ไปใช้บริการมันอีกแน่ ถ้าจะซื้อแอร์ใหม่ก็คงไปหาร้านใหม่ ไม่ไปร้านมันอีก ยอมเสียเงินซื้อความโง่ไป



ความจริงไม่มีกำหนดหรอกว่าล้างกันปีละกี่ครั้ง หรือกี่ปีล้างทีนึง
ส่วนใหญ่ที่เปิดกันวันละ 8 ชม. เมื่อใช้ไปได้สัก 3-6 เดือน พัดลมแอร์มันจะเริ่มมีฝุ่นมาเกาะหนาจนลมแอร์ค่อยลง
เมื่อพัดลมแอร์มันระบายลมไม่ีค่อยออก นั่นแหละได้เวลาล้างแอร์ โดยไม่ต้องไปสนใจว่ามันกี่เดือนกี่ปีแล้วหลังจาก
ล้างครั้งสุดท้าย


 

ปกติเขาแนะนำล้าง6เดือนครั้งครับ แต่มันก็ขึ้อยู่กับความถี่การใช้งานและความสกปกด้วยน่ะครับ ดูง่ายที่คอยร้อนด้านนอก แผงระบายความร้อนสกปรก มั้ย มีฝุ่นเกาะมากหรือเปล่า เพราะพวกฝุ่นและสิ่งสกปก เหล่านี้จะไปคลุุมแผง ทำให้การระบายความไม่มีประสิทธิภาพ ผลตามมาคือ แอร์ทำงานหนัก เปลืองไฟขึ้น แต่ส่วนตัวคอยเย็นด้านในเราบำรุงง่ายๆครับหมั่นล้างฟิลเตอร์สักอาทิคล่ะครั้งยิ่งดีครับ ฝุ่นจะได้ไม่ไปอุดตันคอยเย็น ก็จะทำให้ถ่ายเทความเย็นไม่ดีอีกครับ



ถีงแอร์จะยังเย็นอยู่แต่มันก็อาจจะราอยู่นะครับ ล้างเพื่อสุขภาพและอากาศที่ดี
วิธีง่ายๆเวลาเชคว่าควรจะล้างหรือยังคือหลังจากล้างใหม่ๆเปิดที่กี่องศาให้จำไว้
พอเปิดเท่าเดิมไม่เย็นก็ลดลง ถ้าลดลงมา  2 องศาก็ควรจะล้างได้แล้วครับ
ยกเว้นตอนหน้าร้อนหรือวันที่ร้อนมากๆแอร์อาจจะไม่ค่อยเย็นตอนเปิดใหม่ๆได้ครับ


ที่มา: https://pantip.com/topic/30549717