ช่วยบอกหน่อยนะคะ พึ่งจะล้างครั้งแรก ยังไม่รู้ราคา กลัวโดนโกงเอาค่ะ
ล้างใหญ่ แตกต่างจากล้างปกติยังไง. แอร์เรา25000Btu เติมน้ำยาแอร์ประมาณเท่าไหร่
แค่คำถามของคุณก็ส่อแววว่าจะโดนฟันหัวแบะแล้ว
ถ้าจะเรียกช่าง เรียกช่างมาล้างแอร์ ก็ถามช่างว่าล้างแอร์คิดเท่าไหร่?
อย่าพูดถึงเติมน้ำยา และไม่ต้องให้ช่างเช็คน้ำยา
ถ้าช่างมาล้างแอร์ หิ้วถังน้ำยามาด้วย ให้ไล่กลับไปไม่ต้องล้าง หาเจ้าใหม่!!
น้ำยาแอร์ไม่มีวันหมด ยกเว้นจะรั่ว ทำให้แอร์ไม่เย็น ถ้าแอร์ยังเย็นปกติดีอยู่ ล้างอย่างเดียวพอครับ ถ้าล้างแล้วช่างบอกน้ำยาแอร์ขาด หมายความว่าช่างแอบปล่อยน้ำยาเราแน่
น้ำยาแอร์ปกติช่างดีๆ เขาไม่คิดแพงหรอกครับ น้ำยาแอร์ถังล่ะสองพันกว่าบาท เติมได้เป็นสิบๆ เครื่อง ช่างเรียกค่าเติมเครื่องละ 500 นี่มันเติมราคา 1/5 ของทั้งถังเลยนะ
ระบบแอร์ ตอนปิดแอร์น้ำยาแอร์จะถูกเก็บเป็นของเหลว เมื่อเปิดแอร์ จะถูกเปลี่ยนเป็นก๊าซ เมื่อปิดแอร์ก็จะกลับเป็นของเหลวเหมือนเดิม หมุนวนไปเรื่อยๆ
ถ้าแอร์ไม่เย็น แล้วเรียกช่างมาเติมน้ำยาแอร์เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง ต้องเรียกช่างมาดูว่ามันรั่วตรงไหนแล้วจัดการซ่อมซะก่อนจะเติมน้ำยาแอร์ ถ้าไม่ซ่อมมันก็รั่วไปเรื่อยๆ คุณก็จะต้องเติมน้ำยาแอร์ทั้งปีทั้งชาติ หวานช่างเลย
ราคามาตรฐานสำหรับการล้างแอร์ 500-600 บาท
สำหรับน้ำยาแอร์นั้น สามารถให้ช่างตรวจสอบดูได้ (โดยส่วนใหญ่ 90% ของช่างจะทำการตรวจสอบให้โดยไม่คิดค่าบริการ)
น้ำยาแอร์นั้นเป็นระบบปิด ถ้าท่อไม่รั่ว ไม่ซึม น้ำยาแอร์มันไม่ไปไหนหรอกครับ
มันก้อวนเวียนอยู่ในนั้นแหละ
(บ้านต่างจังหวัดของผมนานไปที ไม่ค่อยได้เปิด พอเปิดก้อยังเย็นสบาย แสดงว่าน้ำยาแอร์ยังไม่หายไปไหน)
ระดับความเหมาะสมของน้ำยาแอร์อยู่ที่ประมาณ 65-70 ปอนด์
ถ้าเติมไปมากกว่านั้นจะทำให้แอร์กินไฟเพิ่มขึ้นหลายแอมป์
ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ถ้าแอร์ยังเย็นอยู่ ก้อไม่ต้องให้ช่างเติมน้ำยา
แต่ถ้ารู้สึกตะขิตะขวงใจ ก้อให้ช่างวัดระดับน้ำยาให้ก่อน (
กรณีถ้าไม่ใช่ช่างประจำ ให้ยืนดูอยู่ด้วยนะ)
เก็บตัวเลขไว้ในใจว่าระดับน้ำยาที่เหมาะสมอยู่ที่ 65-70 ปอนด์
ให้ดูที่มาตรวัดด้านซ้ายมือ (ส่วนใหญ่จะเป็นสีฟ้าหรือสีเขียวครับ)
รูปตัวอย่างจากโลกออนไลน์
ช่างที่ดี ถ้าระดับน้ำยามีพอแล้ว เค้าจะไม่เติมเข้าไปอีก เพราะจะทำให้แอร์กินไฟมากขึ้น (แอร์ทำงานมากขึ้น)
ถ้ามันเกิน ควรจะให้ช่างเค้าถ่ายออกครับ เพราะมันไม่เป็นผลดีต่อระบบการทำงาน
แต่ถ้ามันขาดอยู่ซัก 5-10 ปอนด์ ก้อเติมไปเถอะครับ ค่าใช้จ่ายตามราคามาตรฐาน 300 บาท ต่อ เครื่องครับ
การล้างเครื่องแอร์ และ เติมน้ำยาด้วย ไม่ควรเกิน 1,000 บาท (จริงๆ แล้วไม่น่าเกิน 900 ต่อเครื่อง)
ถ้าเกินกว่านี้ มันก้อไม่ใช่แล้วล่ะครับ (อาจจะเป็นช่างเทวดา ค่าตัวแพง)
ทางที่ดีก่อนจะให้ช่างที่ติดต่อมาบริการ สอบถามราคาจากช่างก่อนก้อได้ครับ
ย้ำว่า ล้างแอร์ 500-600 บาท เติมน้ำยาราคามาตรฐาน 300-400 บาท ไม่เกินไปจากนี้ครับ
V
V
V
การล้างแอร์ เท่าที่จำความได้มีอยู่แบบเดียวล่ะครับ
คือช่างเค้าจะล้างทั้ง คอยล์เย็นที่อยู่ในบ้าน และ คอยล์ร้อนที่อยู่นอกบ้าน ทำความสะอาดให้ทั้งหมด
(แต่ถ้าเราจะล้างเองส่วนใหญ่จะเอาฟิลเตอร์ที่อยู่ที่คอยล์เย็นมาทำความสะอาด โดยการล้างน้ำ : อันนี้อาจอนุมานได้ว่าล้างแบบเล็กๆ)
V
V
V
เพิ่มเติมนะครับ
การติดตั้งแอร์ สำหรับ คอยล์ร้อน ควรอยู่ในตำแหน่งที่สามารถ Maintain ได้สะดวก และมีอากาศถ่ายเทที่ดี
ถ้าวางไว้ในตำแหน่งที่มีสิ่งกีดขวางพัดลมอยู่ จะทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ใน คอยล์ร้อนหมดอายุเร็วขึ้นครับ
(อุปกรณ์ เช่น Magnetic Contactor, Capaciter)
เพราะเมื่อมีสิ่งกีดขวางพัดลม จะทำให้ลมร้อนที่ระบายออกมาตีกลับเข้าไปอีก ซึ่งเป็นสาเหตุให้อุปกรณ์เสื่อมเร็วขึ้น
(เจอมากับตัวเอง จนต้องย้ายคอยล์ร้อนครับ)
และวิธีตรวจสอบอาการผิดปกติของแอร์เบื้องต้น เท่าที่เคยเจอกับตัวเองนะครับ
1. ออกมาแต่ลมแต่ไม่มีความเย็น
>>>> อาการนี้เป็นไปได้หลายสาเหตุ คือ ตัว Starter (Capaciter) เสีย (ราคาประมาณ 700-900 บาท) หรือ น้ำยาแอร์ขาด (300 บาท)
หรือ Magnetic Contactor เสีย (ส่วนใหญ่มดเข้าไปทำรัง) ราคาไม่เกิน 200-400 บาท ตัวนี้จำแม่น เพราะผมเคยโดนไป 1200 บาท
ถ้าเหล่านี้เสีย ต้องเปลี่ยนตามราคาอุปกรณ์ และบวกค่าแรงไปอีกประมาณ 300 บาท
2. ที่ตัวเครื่องปรับอากาศ (คอยล์เย็น) มีน้ำหยด (ส่วนใหญ่จะเจอ)
>>>> อาการนี้ หลายคนตกใจ เพราะมันเกิดขึ้นในบ้าน แต่สาเหตุหลัก คือ ช่างผู้ติดตั้งพันหรือเก็บงานท่อนำความเย็นได้ไม่เรียบร้อย
เมื่อไม่เรียบร้อย ท่อนำความเย็นไปสัมผัสกับอากาศร้อน จะเกิดหยดน้ำขึ้น (ตามแบบเรียนที่เคยๆกัน)
ทำให้มีหยดน้ำออกมาจากเครื่องปรับอากาศ อาการนี้ช่างจะรื้อคอยล์เย็นออกมา และเอาเทปพันสายไฟพันเก็บท่อนำความเย็น
ไม่ให้ตัวท่อสัมผัสกับอากาศได้ครับ (อาการนี้ ไม่มีเปลี่ยนอะไหล่ ควรคิดค่าแรง 300 บาท)
3. แอร์เย็นแต่ไม่สะใจ
>>>> ต้องดูที่จำนวน BTU กับขนาดของห้องครับ วิธีการคำนวนหาได้จากโลนออนไลน์ครับ
V
V
V
ที่เขียนมายึดยาวเนี่ยไม่ใช่อะไรหรอกครับ แต่เจอมากับตัวแล้ว เลยนำมาแบ่งปันให้ทราบ
จนทุกวันนี้มีช่างแอร์ประจำบ้านแล้ว ซึ่งได้สอนวิธีการตรวจสอบเบื้องต้นให้
ทำให้รู้ว่าที่ผ่านมา อาการเจ็บแบบหน้าชาชา ประมาณว่าเมื่อโดนสาวแรกรุ่นหลอกผู้สูงวัย มันเป็นอย่างไร
(ไม่ใช่ช่าง แต่ต้องรู้ให้ทันช่าง)
เคยได้ยินมาว่า น้ำยาแอร์บางชนิด ถ้ารั่วแล้ว จะต้องถ่ายของเดิมทิ้งแล้วเติมใหม่ทั้งหมด อันนี้จริงเท็จยังไงครับ
จริงครับ สำหรับ R410A (R32+R125) เนื่องจากเป็นน้ำยาผสม ทำให้เวลารั่ว เราไม่ทราบว่าส่วนผสมไหนของน้ำยาที่รั่วออกไป
ทำให้ไม่สามารถเติมR410A เข้าได้ตรงๆ (อาจจะทำให้ส่วนผสมของน้ำยาในเครื่องเพื้ยนได้)
ดูแลรักษาแอร์ ล้างเองก็ได้ครับ แค่
1.ถอดหน้ากากออกเอา ฟิลเตอร์มาล้าง
2.ตรงใบพัดกรงกระรอก เอาแปรงทาสี 2 นิ้ว ปัดทำความสะอาด
3.ใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาด
ผมก็เคยโดน ...
ล้างแอร์ 500 บาท ...ช่างใจดี เช็คน้ำยาให้ ..ปรากฎว่า น้ำยาแห้ง ต้องเติม .....ก็เติมไป ....
3 เดือนต่อมาหน้าแอร์เป็นน้ำแข็ง ...เข้ามาถามในนี้ ..บอกว่าน้ำยาน้อย ......ก็โทรไปเจ้าเก่าและเข้ามาเติมอีก ...ผมบอกเติม 500 ..(ทำยังกับน้ำมัน) ....เขาก็เติมให้นะ ...ใจดีจัง
2 เดือนต่อมา เป็นอีก ....ผมเลยถามในนี้ และผมได้ไอเดีย ...
โทรไปอีก มาเติมให้หน่อย คราวนี้เต็มถัง ... ..................พอเขามา ผมบอกเขา ผมเติม 500 ...พร้อมถือไม้ + คีมขึ้นไปด้วย ..
พอเขาเติมเสร็จ ผมก็บอกให้เขาถอยไป ..ต่อไปนี้ไม่ต้องมายุ่งกับแอร์ผมอีกเลย ...ว่าแล้วผมก็ใช้คีม หมุน น็อคทองเหลืองตรงที่เติมน้ำยา (สังเกตุตอนที่เขาเติม และถามช่างที่โรงงาน) ...ครึ่ง รอบ
....ผ่านมา 1 ปี 2 เดือนแล้ว .....แอร์ยังเย็นดี ...ล้างแค่กรองทุกๆอาทิตย์เท่านั้น
แอร์ถ้าใช้งานทุกวัน 6 เดือนก็เรียกมาล้างได้แล้วครับ ไม่จำเป็นต้องรอให้เย็นไม่ฉ่ำ
ส่วน ถ้าน้ำยาแอร์รั่วมันจะเป็นลักษณะยังไงค่ะ
1.ความเย็นมันจะน้อยลงจนถึงไม่มีความเย็นออกมาเลย ( กรณีสกปรกลมจะออกมาไม่แรง ทำให้ไม่สามารพาความเย็นออกมาได้ไม่เต็มที่)
2.มีน้ำแข็งเกาะที่ตัวแอร์ด้านใน บางครั้งอาจมีเสียงเหมือนน้ำแข็งแตกเบาๆๆเวลาเปิดแอร์ซักพัก ( ถ้าไม่ได้ล้างแอร์นานๆก็เป็นน้ำแข็งได้เหมือนกัน )
3.ลมที่ออกมาจากตัวคอมด้านนอกไม่ร้อน เพราะน้ำยาแอร์น้อย ( ไม่ใช่กรณีแคปรันคอมเสียเพราะลมที่ออกมาก็จะไม่ร้อน )
บางครั้งการที่ผู้ใช้งาน พยายามจะหาข้อมูลเพื่อใว้ป้องกันการโดนหลอกก็เป็นสิ่งที่ดีนะครับ
แต่เรื่องระบบทำความเย็นหรือแอร์เนี้ย มันไม่ง่ายถึงขนาดจะบอกวิธีตรวจเช็คกันได้ง่ายๆแล้วเข้าใจกันง่ายๆ
เช่น ถามว่า น้ำยาแอร์รั่วมีอาการยังไง เพราะก่อนจะตามช่างมาล้างแอร์แอร์มีอาการเย็นน้อย ก็ต้องถามก่อนว่า
1. คุณว่าแอร์คุณสกปรกมั้ยมองเองเลยดูเอาเองเลยครับแอร์มันอยู่ในห้องนอน ของคุณอยู่แล้ว เอาไฟฉายส่องเลยก็ได้ครับ ว่าแอร์สะอาดดีอยู่มั้ย
2. คุณเคยสัมผัสแรงลมของแอร์คุณเองหลังจากล้างเสร็จใหม่ๆมั้ยว่าลมที่ปล่อยออกมาจากแอร์ของคุณเองนั้น มันแรงแค่ไหน ถ้าไม่เคยสนใจจำเลยว่าแอร์ของคุณเองนั้น มีแรงลมที่แรงแค่ไหนตอนที่แอร์สะอาดมีและมีเสียงลมแอร์แบบไหน แนะนำ ให้ทำ และจำแรงลมและเสียงเอาใว้
**** เมื่อผ่านไป สามเดือน สี่เดือน ห้าเดือน หกเดือน ปรากฎว่า คุณรู้สึกแอร์คุณไม่เย็น สิ่งแรกที่คุณต้องคิด ***
1. แอร์คุณสกปรกมั้ย เอาไฟฉายส่องเลย แบบ ข้อ 1 ข้างบน
2. แอร์คุณลมแรงเหมือนเดิมมั้ย แบบข้อ 2 ข้างบน (ยังจำได้มั้ยว่าแรงเท่าไหร่เสียงลมแอร์ยังเหมือนเดิมมั้ย)
* ถ้าคุณผู้ใช่แอร์ สนใจแอร์ตัวเองแบบนี้แล้ว คุณจะรู้ได้เองว่าแอร์สกปรกหรือไม่ ถ้า ลมแอร์เบาลง แต่เสียงลมแอร์กลับมีเสียงดังไม่เหมือนเดิม
มองเห็นชัดๆว่าสกปรก ก็ไม่ต้องถามถึงเลยครับว่าน้ำยาแอร์รั่วมั้ย คุณต้องล้างแอร์ก่อน ไม่ต้องคิดถึงเรื่องน้ำยาแอร์ *
** แต่ถ้า ดูแล้วยังไงก็ไม่สกปรก ลมก็แรง เสียงลมก็ ปกติ อันนี้ค่อยคิดถึง น้ำยาแอร์ ถึงจะถูก **
*** การเลือกร้านแอร์ คุณต้องยอมที่จะ เข้าใจถึงราคาของร้านที่มีคุณภาพ ว่าราคาสูงแน่ และต้องยอมรับให้ได้ก่อน เช่น ล้างแอร์ 500 บาท
หรือ 600 บาท เพราะคุณภาพ ย่อมมากับ ราคา และ ความรับผิดชอบ ของผู้ประกอบการนั้นๆ และบุคลากร (ช่าง) ของร้านแอร์นั้นๆ
แต่ถ้าคุณรับไม่ได้ กับราคา มองหาของถูก คุณก็ต้องวัดดวง ต้องยอมรับด้วย จะมองหาร้านแอร์ดีๆ ทำยังไง คุณมองร้านข้าวข้างทางว่า
ร้านนั้นร้านนี้ ดูน่านั่งกินนะ สะอาดพอใช้ได้ กับร้าน ที่ ดู ไม่น่านั่ง มันก็ คล้ายๆ กันครับ ดูเองได้ไม่ยาก
(กรณีนี้ไม่ได้หมายถึง ช่างที่รับงานโดยไม่เปิดหน้าร้านนะครับเพราะช่างแอร์เก่งๆดีๆ ที่ไม่มีหน้าร้านก็มี)
**** เรื่องน้ำยาแอร์นั้น มันจะไม่มีการแห้ง มันจะอยู่คู่แอร์คุณจนกว่าแอร์คุณจะพัง นอกจาก ท่อน้ำยาแอร์รั่วหรือวาว์ลช๊าทน้ำยาของแอร์คุณจะ
เสื่อมสภาพ น้ำยามันถึงจะไปจากแอร์คุณ การที่คุณจะรู้ว่าแอร์คุณน้ำยารั่วมั้ย มันก็ย้อนไปที่ คุณสังเกตุแอร์คุณรึยัง (ข้อ 1 และ 2 ข้างบน)
คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่ารั่วตรงไหน คุณทำได้แค่ตามช่าง แล้วช่างจะบอกคุณว่ารั่วตรงไหน ราคาเท่าไหร่ หรือ อะไรเสียและราคาเท่าไหร่****
**** จะโดนหลอกมั้ยคำว่าหลอกคืออะไรในความหมาย คือ แพง หรือ ทำแล้วเก็บเงิน แล้ว ไม่เย็นเหมือนเดิมแล้วไม่มาซ่อมใหม่
กับเรื่องนี้ ถ้าเป็นคำว่าแพง คงต้องย้อนไปมองเรื่อง ร้าน ที่คุณเลือกมาบริการคุณ ว่าคุณภาพ มาตราฐานแค่ไหน เพราะผู้ประกอบการที่มี
มาตราฐาน ก็จะมีราคาที่มาตราฐาน เช่นกัน แต่ถ้าเลือกร้าน ที่ถูกตรงใจ อาจจะโดนแพงตามหลังก็ได้ ไม่มีใครบอกได้ อยู่ที่คุณเลือกช่าง
แต่ถ้า หมายถึง ทำแล้วเก็บเงิน แล้ว ไม่เย็นเหมือนเดิมแล้วไม่มาซ่อมใหม่ อันนี้เรียก โกงครับ
ปล. คุณใช่วิจารณญาน เองได้ว่าช่างที่มาบริการให้คุณ มีคุณภาพแค่ไหน โดยเริ่มจากการ เลือกร้าน ดูการแต่งกาย และการสนทนาของช่าง หรือ
หัวหน้าช่างรวมถึงเครื่องมือ ว่ามีครบมีพร้อมแค่ไหน
ค่าล้าง 500 ค่าเติมน้ำยาแอร์ 20 บาท ต่อปอนด์ ความดันของแอร์อยู่ที่ 65-70 ปอนด์ สแต่ต้องดูที่กระแสการทำงานของคอมด้วยว่าอันไหนถึงก่อนให้เอาอันนั้น ถ้าแรงดันถึงก่อนให้เอาแรงดัน ถ้ากระแสรันถึงก่อนให้เอากระแสรันของคอมเป้นที่ตั้ง ถ้าน้ำยากหมดก็ค่าน้ำยาน่าจะ 1400 บาท รวมทั้งหมดก็ 2100 บาท 5 ปอนด์แรกเติมฟรี น่าจะอยู่ราว 2000 บาท ถ้าน้ำยาแอร์หมดอาจจะคิดค่าล้างระบบด้วยน่ะครับ น่าจะ 500 บาท ก่อนจะล้างก็จะตรวจวัดก่อนว่ารั่วตรงไหน ตอนช่างบอกน้ำยาหมดเค้าเรียกเจ้าของบ้านเข้าไปดูไหมครับ ทุกครั้งต้องเรียกเจ้าของบ้านเข้าไปดูก่อน จดบันทึกไว้ ถ้าแห้งขนาดนั้นต้องรั่วแน่นอน ตกลงราคาก่อนทำ ไม่ใช่ทำแล้วมาเอามีดจามหัวเจ้าของบ้านแบ่ะ สบายใจทั้งสองฝ่าย ถ้าหารอยรั่วไม่เจอ เติมเข้าไปก็หายหมดอีกขึ้นอยู่กับรอยรั่ว รอนรั่วส่วนใหญ่ที่ช่างแอร์เกลียดนักหนาคือคอยย์เย็น มันจะซื้นทำให้ทอแดงผุใด้ง่าย ถ้าหาเจอก็คุณโชคดีมากเหมือนคนถูกขโมยรถแล้วได้คืนอย่างงั้นล่ะ
ที่มา:
https://pantip.com/topic/35191300https://pantip.com/topic/31194989